สั่งซื้อหรือสอบถามเพิ่มเติม

​​Mobile: 062-195-1909

Line id: @getbest 

แนวทางการแก้ไข คือพยายามควบคุมที่ต้นเหตุที่สร้างเสียงกระแทกจะได้ผลที่ดีที่สุดครับ ยกตัวอย่างเช่น


-  การติดโช๊ค อัพให้ประตุ หรือบานตู้ที่จะเกิดเสียงกระแทก
-  การปูพรม กระเบื้องยางอย่างหนา หรือปูพื้นไม้ลามิเนต ที่มีการองแผ่นโฟมด้านล่าง บริเวณพื้นที่

   ที่มีโอกาสเกิดเสียงกระแทก
-  การรองฐานลำโพงด้วยแท่นรองที่มีน้ำหนักและวางบนลูกยางหรือสปริง สำหรับลำโพง Subwoofer
-  การรองเครื่องจักรที่มีการสั่นสะเทือนด้วยสปริงหรือลูกยาง

หลักการในการป้องกันเสียงที่มาตามโครงสร้าง


หลักการในการป้องกันเสียงที่มาตามโครงสร้างปัญหาตามโครงสร้างที่วิศวกรเคยประสบและให้คำแนะนำแก้ไข ยกตัวอย่างเช่น


 -   โรงแรมแห่งหนึ่ง พื้นห้องพักปูกระเบื้องทั้งตึก เพียงแค่ห้องข้างๆ ทำกุญแจหล่น หรือลากเก้าอี้ ห้องที่อยู่ใกล้กับห้องที่เกิดเสียง

     จะได้ยินกันทั้งหมด
-   โรงแรมที่มีผับ เทค อยู่ตัวโรงแรม มีการวางลำโพงเบสไว้บนพื้น แรงสั่นสะเทือนส่งไปยังห้องพักที่อยู่ด้านบน

-   เสียงคนใส่ส้นสูงเดินบนตึก ได้ยินเสียงเดินชัดเจน
-  เสียงคนเดินบนพื้นไม้ ทำให้ห้องด้านล่างได้ยินเสียงคนเดิน
-   เสียงปิดประตู หรือปิดตู้บิ้วอินท์ ที่อยู่ติดผนัง
-   เสียงคอยล์ร้อนแอร์ หรือเครื่องจักรสั่น

แนวทางการแก้ไข รูปแบบระบบผนังที่แนะนำให้ใช้จะอยู่ในหน้า Solution นะครับ ฝากตามอ่านเนื้อหาสาระดีดีกันต่อด้วยนะครับ

การวางแผนในการป้องกันเสียงเพื่อลดค่าใช้จ่ายให้น้อยที่สุด ควรทำตั้งแต่การออกแบบ ซึ่งการวางแปลนอาคารโดยรู้หลักการเรื่องเสียงจะทำให้ ค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงแก้ไข หลังจากมีคนเข้าอยู่อาศัยน้อย ยกตัวอย่างเช่น

การวางผังให้ห้องน้ำ ห้องเก็บของ หรือห้องใดๆ ที่ไม่ได้ซีเรียสเรื่องของความเงียบขั้นระหว่างห้องต้องการความเงียบ กับห้องที่มีกิจกรรมเสียงดัง

การวางผังให้ห้องที่ต้องการความเงียบอยู่ในบริเวณที่มีผู้คนเดินผ่านน้อย  หรือห้องอยู่ในฝั่งที่ตรงข้ามกับถนนที่มีเสียงจราจร เป็นต้น ก็สามารถช่วยป้องกันปัญหาเรื่องเสียงรบกวนได้ครับ

หรือการออกแบบระบบผนังที่มีคุณสมบัติการป้องกันเสียงไว้ตั้งแต่การก่อสร้างเลยซึ่งจะประหยัดค่าใช้จ่ายกว่าการที่มาทำทีหลังตอนที่มีคนเข้ามาอยู่แล้ว

หมายเลข 1 เสียงสามารถทะลุผ่านผนังได้โดยตรง
หมายเลข 2 ลอดโคมไฟดาวไลท์และอ้อมโถงฝ้าลงมาอีกด้าน
หมายเลข 3 เดินขึ้นท่อแอร์มาลงอีกห้อง หากท่อแอร์เชื่อมต่อกัน หรืออ้อมหน้าต่างที่เปิดอยู่

หมายเลข 4 ลอดตามรอยรั่วบริเวณขอบผนัง

การหลักการป้องกันเสียงที่มากับอากาศ

เสียงที่มากับอากาศนั่น สิ่งแรกที่ต้องจัดการคือ การจัดการกับรอยรั่วที่จะทำให้เสียงเดินทางลอดผ่านเข้าไปภายในห้องผู้รับได้ครับ
เสียงเดินทางผ่านเข้ามาในห้องทางไหนบ้างตามนี้เลยครับ

เสียงที่เกิดจากการกระแทก และแรงสั่นสะเทือนไหลมาตามโครงสร้าง ได้แก่-เสียงปิดประตู เสียงปิดตู้บิวอินท์ที่ติดกับผนัง


- เสียงลากโต๊ะ
- เสียงใส่รองเท้าพื้นแข็งเดินในบ้าน
- เสียงจากการกระโดดโลดเต้น เสียงวิ่ง
- เสียงเครื่องซักผ้า หรือเสียงลำโพงซับวูฟเฟอร์ที่เขย่าพื้นเวลาเปิดดังๆ

ยกตัวอย่างเสียงที่เกิดขึ้นลอยมากับอากาศ ได้แก่

 - เสียงคนข้างบ้าน หรือข้างห้องเปิดทีวีเสียงดัง เสียงรบกวนไหล มาตามรอยรั่วของผนัง หน้าต่าง ประตู หรือทะลุผนังมาตรง

 - เสียงข้างห้องหรือข้างบ้าน ร้องเพลง สังสรรค์ หรือตะโกนโวยวาย
-  เสียงเครื่องยนต์ ท่อไอเสีย ที่เร่งแรงๆ แล้วเสียงทะลุเข้ามาภายในห้อง
-  เสียงเครื่องบิน

ในการที่ดำเนินการควบคุมปัญหาเสียงรบกวนนั้น สิ่งสำคัญที่สุด คือ ต้องแยกให้ออกว่าเสียงรบกวนที่ดังเข้ามาในห้องผู้รับ นั้นเป็น


เสียงที่ ลอยมากับอากาศ (Air borne sound) หรือ

เสียงสั่นสะเทือนที่ไหลมาตามโครงสร้างแล้วมาเขย่าฝ้าหรือผนังในห้องผู้รับ (Structure Borne Sound) กันแน่

เนื่องจากเสียงรบกวน 2 แบบนี้ มีวิธีการจัดการที่ไม่เหมือนกัน หากวิเคราะห์ผิดพลาดจะทำให้แก้ไขไม่ตรงจุดและไม่สามารถจัดการเสียงรบกวนได้ครับ

กิจกรรมที่สร้างเสียงรบกวนเข้ามาภายในอาคาร โดยเฉพาะห้องที่เราอยู่นั้นมี หลายลักษณะครับ เช่น


- เสียงจากยานพาหนะที่สัญจรบนถนนใกล้อาคาร รวมทั้งแรงสั่นสะเทือนจากถนนด้วย
- เสียงเพื่อนบ้าน ทำกิจกรรมที่สร้างเสียงรบกวนเช่น เปิดเครื่องเสียง ร้องเพลงตะโกน สังสรรค์

- เสียงจากงานก่อสร้าง หรือการทำงานที่มีเสียงดัง-เสียงเปิดทีวี วิทยุ เครื่องเสียงดังๆ จากภายในบ้าน
- เสียงคนคุยกัน สังสรรค์  จากภายในบ้าน
- เสียงกระแทกรูปแบบต่าง ไม่ว่าจะทำอาหาร กระโดดโลดเต้นในอาคาร เป็นต้น

หลักการป้องกันเสียงภายในอาคาร