อย่างไรก็ตาม จากรูปที่ 3 จะเห็นว่าแม้จะติดฉนวนบนกำแพงทั้ง 4 ด้านรวมทั้งบนฝ้าเพดาน
ก็ยังลดได้เต็มที่ ก็ไม่เกิน 10 dB
เพราะฉะนั้น ในการออกแบบกันเสียงวิศวกรจึงนิยม เพิ่มประสิทธิภาพในการกันเสียงของระบบผนังหากต้องการลดเสียงระหว่างภายใน และภายนอก มากกว่า 7 เดซิเบล ขึ้นไป
หรือหากต้องการกันเสียงมากๆ ก็จะทำควบคู่ทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพการกันเสียงของระบบผนังและติดตั้งวัสดุดูดซับเสียงภายในห้องครับ
แล้วหากเอาฉนวนซับเสียงวางกั้นระหว่างแหล่งกำเนิดเสียงและคนฟังโดยไม่มีผนังทึบจะเป็นยังไง
จากผลเทสในห้องแล็ป พบว่าฉนวนใยแก้วหนา 200 มิลลิเมตร กันเสียงได้เพียง 10 เดซิเบล เท่านั้น เทียบกับแผ่นยิปซั่มหนา 12 มิลลิเมตร ยังกันได้ถึง 20 เดซิเบล
ลองดูรูปที่จะอธิบายดังต่อไปนี้ครับ
โดยทั่วไป เวลามีคนมาขอคำปรึกษาจากทางวิศวกร สิ่งที่คนทั่วไปที่ไม่ได้คุ้นเคยกับเรื่องอคูสติก จะสับสนระหว่างการกันเสียง กับ การดูดซับเสียงครับ โดยมักจะมีคำถามว่า
“ในห้องเลี้ยงสุนัข เปิดเพลงเสียงดัง ซ้อมดนตรีในห้องเสียงดัง ติดฉนวนซับเสียงในห้องจะกันเสียงออกไปข้างนอกได้หรือเปล่า”
วันนี้เลยจะมาอธิบายให้ฟังครับ
ดังนั้น ในการกันเสียงทะลุเข้าออกระหว่างห้อง หรือระหว่างภายในและภายนอกห้องให้ยึดหลักดังนี้ครับ•วัตถุที่กั้นห้องจะต้องมีความทึบ (สำคัญที่สุด!!) และยิ่งหนักมากขึ้นเท่าไหร่ยิ่งกันเสียงได้มากขึ้นเท่านั้น
•กันเสียงแหลม ไม่ต้องใช้ผนังหนาหรือหนักมากก็กันได้ แต่จะต้องเป็นผนังทึบอยู่ดี
•กันเสียงต่ำ ผนังจะต้องยิ่งหนาและยิ่งหนักมาก จะกันเสียงต่ำได้ดี
•ในการกันเสียงภายในห้องจริง ส่วนใหญ่จะตายที่ประตู และฝ้าต้องระวังให้ดีดี !!!